เมนู

อรรถกถาฐานสูตร

1
พึงทราบวินิจฉัยในฐานสูตรที่ 2 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ฐานานิ คือเหตุทั้งหลาย. บทว่า ฐาเนหิ คือด้วยเหตุ
ทั้งหลาย. ความสะอาดชื่อ โสเจยฺยํ. บทว่า สํวสมาโน แปลว่า เมื่ออยู่
ร่วมกัน. บทว่า น สตตการี น สตตวุตฺตี สีเลสุ ความว่า ท่านผู้นี้
จะมีชีวิตเป็นอยู่ด้วยศีลอยู่เนืองนิตย์ทุกเวลา ก็หามิได้. บทว่า สํโวหรมาโน
คือเมื่อพูด. บทว่า เอเกน เอโก โวหรติ ความว่า ท่านผู้นี้พูดกันตัว
ต่อตัว. บทว่า โวกฺกมติ คือพูด. บทว่า ปุริมโวหารา ปจฺฉิมโวหารํ คือ
ท่านผู้นี้พูดคำหลับผิดแผกไปจากคำก่อน. อธิบายว่า คำหลังกับคำก่อน และ
คำก่อนกับคำหลังไม่สมกัน. ในบทเป็นต้นว่า ญาติพฺยสเนน คือเสื่อมญาติ
อธิบายว่า เสียญาติ. แม้ในบทที่สอง ก็นัยนี้แล. ส่วนในการเกิดโรค โรค
นั้นแล ชื่อว่าเสีย เพราะทำความไม่มีโรคให้เสียไป.
บทว่า อนุปริวตฺตนฺติ คือติดตาม. ในบทว่า ลาโภ จ เป็นอาทิ
พึงนำนัยไปอย่างนี้ว่า ลาภย่อมหมุนไปตามอัตภาพหนึ่ง ความเสื่อมลาภ
ย่อมหมุนไปตามอัตภาพหนึ่ง. บทว่า สากจฺฉายมาโน ความว่า เมื่อทำ
การสนทนาด้วยอำนาจการถามและการตอบปัญหา. บทว่า ยถา แปลว่า
โดยอาการใด. อุมมงค์แห่งปัญญา ชื่อ อุมมังคะ. อภินิหารแห่งจิตด้วยอำนาจ
การแต่งปัญหา ชื่อ อภินิหาร. การถามปัญหา ชื่อ สมุทาหาร. บทว่า
สนฺตํ ความว่า ไม่กล่าวให้สงบ เพราะข้าศึกสงบ. บทว่า ปณีตํ ได้แก่
ถึงความล้ำเลิศ. บทว่า อตกฺกาวจรํ ความว่า ท่านผู้นี้ไม่กล่าวโดยประการ

ที่อาจถือเอาได้ด้วยการเดา ด้วยการคาดคะเน. บทว่า นิปุณํ แปลว่า
ละเอียด. บทว่า ปณฺฑิตเวทนียํ แปลว่า อันพวกบัณฑิตพึงรู้ได้. บท
ที่เหลือในที่ทุกแห่ง พึงทราบโดยทำนองที่กล่าวแล้วนั้นแล.
จบอรรถกถาฐานสูตรที่ 2

3. ภัททิยสูตร


ว่าด้วยไม่ควรเชื่อถือโดยอาการ 10 อย่าง


[193] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ กูฎาคารศาลา
ป่ามหาวัน ใกล้เมืองเวสาลี ครั้งนั้นแล ภัททิยลิจฉวีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว
ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับมา
ดังนี้ว่า พระสมณโคดมทรงมีมายา ย่อมทรงรู้มายาเครื่องกลับใจสาวกของ
พวกอัญญเดียรถีย์ให้มานับถือ พวกเขาเหล่านั้นพากันกล่าวอย่างนี้ว่า พระ-
สมณโคดมทรงมีมายา ย่อมทรงรู้มายาเครื่องกลับใจสาวกของพวกอัญญเดียรถีย์
ให้มานับถือ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ คนเหล่านั้นเป็นอันกล่าวตามที่พระผู้มี-
พระภาคเจ้าตรัสแลหรือ ไม่ได้กล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคำไม่เป็นจริง
ย่อมพยากรณ์ธรรมสมควรแก่ธรรม และการคล้อยตามวาทะอันชอบแก่เหตุ
ไร ๆ ย่อมไม่มาถึงฐานะอันควรติเตียนแลหรือ แท้จริง ข้าพระองค์ไม่ประสงค์
จะกล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้าเลย.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภัททิยะ ท่านจงมาเถิด ท่านทั้ง
หลายอย่าได้ถือโดยฟังตามกันมา อย่าได้ถือโดยสืบต่อกันมา อย่าได้